บันทึกหลังการเรียน ครั้งที่ 8
วัน อังคาร ที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2558
เนื้อหา / กิจกรรมที่เรียนในวันนี้
^-^ การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ^-^
2. ทักษะภาษา
การวัดความสามารถทางภาษา
- เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
- ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
- ถามหาสิ่งต่างๆไหม
- บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
- ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม ( เด็กส่วนมากจะมีคำศัพท์เฉพาะตัวของเด็ก )
การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด
- การพูดตกหล่น เช่น หนังสือ จะออกเสียงว่า สือ
- การใช้เสียงหนึ่งเเทนอีกเสียง
- ติดอ่าง (เด็กอนุบาลส่วนมากจะพูดติดอ่าง เเต่มันเป็นเรื่องปกติ พอเริ่มโตขึ้นเดี๋ยวก็จะหายไปเอง )
การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
- ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
- ห้ามบอกเด็กว่า พูดช้าๆ ตามสบาย คิดก่อนพูด
- อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
- อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
- ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น
- เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน
ทักษะพื้นฐาน
- ทักษะการรับรู้ภาษา
- การเเสดงออกทางภาษา
- การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด
- **เด็กปกติเน้น 4 ด้าน ฟัง พูด อ่าน เขียน ส่วนเด็กพิเศษเน้น => การรับรู้ภาษา และการเเสดงออกทางภาษา**
ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
- การรับรู้ภาษามาก่อนการเเสดงออกทางภาษา (ครูต้องเข้าใจภาษาเด็ก)
- ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด (กิริยาท่าทาง)
- ให้เวลาเด็กได้พูด
- คอยให้เด็กตอบ ( ชี้เเนะหากจำเป็น )
- เป็นผู้ฟังที่ดีและโต้ตอบอย่างฉับไว ( ครูไม่พูดมากเกินไป )
- เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
- ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
- กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง ( ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า )
- เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
- ใช้คำถามปลายเปิด
- เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
- ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
การสอนตามเหตุการณ์
>> เป็นกิจกรรมที่เหมาะใช้กับเด็กพิเศษ และครูสามารถจะเดินเข้าไปถาม หรือคอยช่วยเหลือเมื่อเด็กทำเองไม่ได้จริงๆ เช่น
1.เข้าไปถาม ทำอะไรค่ะ
2.เข้าไปถาม หนูจะใส่ผ้ากันเปื้อนใช่ไหม
3.เข้าไปถาม ครูใส่ผ้ากันเปื้อนให้หนูนะ
4.ลองพูดตามครูสิ ผ้ากันเปื้อน
5.สวมผ้ากันเปื้อนให้เด็ก
Post Test
ครูสามารถส่งเสริมทักษะทางภาษาในห้องเรียนรวมได้อย่างไรบ้าง
ตอบ - การเล่านิทาน
- การใช้คำศัพท์
- การร้องเพลง หรือกลอน
- การใช้คำถามปลายเปิด
- การให้เด็กบอกความต้องการของเด็ก
- เปิดโอกาสให้เด็กได้พูดตอบ
กิจกรรม
1. เที่ยวทุ่งหญ้าซาวันน่า / เเนะเเนวทางการสอบบรรจุครู
อาจารย์ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องการสอบบรรจุข้าราชการครูในการสอบนั้น จะแบ่งออกเป็น ภาค ก. เนื้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ. การศึกษาไทย, ความรู้ทั่วไป, วิชา 9 มาตรฐานวิชาชีพ ภาค ข. เนื้อหาที่เป็นรายวิชาเอก
สอบสัมภาษณ์ >> ผู้สัมภาษณ์ คือ ผู้อำนวยการแต่ละโรงเรียน ในการสัมภาษณ์ ต้องนำเสนอการสอน 1 กิจกรรมที่ตนเองถนัด
>>เป็นเกมทายใจจากแบบทดสอบจิตวิทยา
2. ดูวีดีโอ ผลิบานผ่านมือครู จังหวะกาย จังหวะชีวิต
ประโยชน์ที่ได้จากการดูวีดีโอนี้
ดนตรีการเคลื่อนไหวและจังหวะยังช่วยพัฒนาเด็กพิเศษทั้ง 4 ด้าน
-ด้านร่างกาย =>เด็กก็จะได้ฝึกความสมดุลของรางกาย ไม่ว่าเป็นการใช้มือ การเดิน การวิ่งเล่น การก้าวเท้าไปตามจังหวะ
-ด้านอารมณ์=> พอเอาเพลงหรือดนตรีเข้ามาช่วยเด็กพิเศษก็จะเริ่มตื่นเต้นและอยากร่วมกิจกรรมมากขึ้น
-ด้านสังคม =>เด็กได้รู้จักการรอคอย การฟัง
-ด้านสติปัญญา=> จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ การฟังจังหวะดนตรี การฝึกสมาธิ
**ซึ่งกิจกรรมทุกกิจกรรมจะช่วยพัฒนาให้เด็กมีทักษะการเรียนรู้เเละมีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น
3. กิจกรรมดนตรีบำบัด
ประโยชน์ที่ได้จากกิจกรรมนี้
- การฝึกการใช้กล้ามเนื้อมือ
- การฝึกสมาธิในการฟังจังหวะดนตรี
- การประสานสัมพันธ์กันระหว่างมือกับตา
- การมีมิติสัมพันธ์
- การพูดคุยกันระหว่างเพื่อน หรือเเสดงความคิดเห็นกันในกลุ่ม
การนำไปประยุกต์ใช้
- สามารถจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะทางภาษาให้เหมาะสมกับเด็ก เช่น การเล่านิทาน การร้องเพลง
- ได้เรียนรู้ว่าขณะเด็กพูด ห้ามพูดขัดจังหวะเด็ก ห้ามไปบอกให้เด็กให้พูดช้าๆ หรือทำอะไรให้คิดก่อนพูด เพราะสิ่งเหล่านี้ครูไม่ควรทำหรือพูดกับเด็กเป็นอันขาด
- ครูจะต้องไม่ควรเปรียบบเทียบการพูดหรือการกระทำของเด็กกับเด็กคนอื่น
- ได้รู้ว่าครูจะต้องเข้าใจภาษาของเด็ก เพราะเด็กส่วนมากจะมีภาษาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเด็ก
- การจัดกิจกรรมดนตรีบำบัดสามารถช่วยฝึกสมาธิด้านการฟังให้กับเด็ก และกิจกรรมนี้สามารถจัดได้ทั้งเด็กปกติ และเด็กพิเศษ
- ได้รู้เเนวทางว่าครูควรใช้คำถามปลายเปิดเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดหรือเเสองออกทางภาษามากขึ้น
- ได้รู้ว่าครูอาจใช้คำพูดกระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง และครูจะต้องเป็นผู้ฟังมากว่าเป็นผู้พูด ( ครูไม่ควรพูดมากจนเกินไป )
การประเมิน
- ประเมินตนเอง: วันนี้มีเพื่อนอีกกลุ่มมาเรียนรวมด้วยอาจทำให้ห้องเรียนดูเยอะเกินไป ทำให้เสียงดังจากการพุดคุยกันของเพื่อน ทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิในการเรียน และไม่ได้ยินสิ่งที่อาจารย์พูดมากนัก เเต่ก็เข้าใจสิ่งที่อาจารย์สอน จดบันทึกความรู้เพิ่มเติมจากสิ่งที่เรียน และร่วมมือกันทำกิจกรรมในห้องเรียน
- ประเมินเพื่อน: เพื่อนๆตั้งใจเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม เเต่อาจจะดูวุ่นวายกันนิดหน่อยเนื่องจากมีสมาชิกเพื่อนอีกกลุ่มมาเรียนรวมด้วยทำให้เยอะขึ้น และมีการพูดคุยกันเสียงดัง
- ประเมินอาจารย์ : อาจารย์สอนกระชับเข้าใจเนื้อหามากขึ้น มีการยกตัวอย่างให้เข้าใจพร้อมทำท่าประกอบ และอาจารย์ยังให้ความรู้เเนวทางในการสอบบรรจุครูมาบอกให้นักศึกษาที่สนใจ ฟัง เข้าใจวิธีการสอบพร้อมกับวิธีการเตรียมตัวว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ดีกับนักศึกษาเป็นอย่างมาก